เหตุผลที่ทำให้คุณได้รับใบสมัครงานน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
เมื่อผู้หางานกำลังแข่งขันกันหางานอย่างเข้มข้น แต่ทำไมผู้ประกอบการถึงหาคนมาทำงานได้ยาก อาจไม่ใช่องค์กรของคุณไม่ใหญ่หรือไม่มีชื่อเสียง แต่เพราะคุณอาจมองข้ามอะไรบางอย่างในประกาศรับสมัครงานของคุณไป เลยทำให้คุณถูกมองข้ามเช่นกัน
1. เข้าไม่ถึงผู้หางาน สมมติว่ามีผู้หางานที่มีคุณสมบัติที่คุณต้องการอยู่ในตลาดงาน 1 แสนคน ประกาศรับสมัครงานของคุณอาจเข้าถึงผู้หางานเพียงไม่กี่พันคน เพราะฉะนั้น คุณต้องทำให้ประกาศงานของคุณเข้าถึงผู้หางานมากขึ้น ด้วยช่องทางต่าง ๆ เช่น ลงประกาศงานในเว็บไซต์หางานที่มีเครือข่ายกว้างขวาง เพิ่มช่องทางประชาสัมพันธ์ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กที่สามารถส่งต่อและกระจายข่าวได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มการเข้าถึงผู้หางานผ่านมือถือ Mobile Application ซึ่งกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันที่มีแนวโน้มการใช้งานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
2. ประกาศงานไม่โดดเด่น ไม่น่าสนใจ ประกาศงานที่ไม่ดึงดูดความสนใจของผู้หางาน มักเป็นประกาศงานที่ไม่มีรายละเอียดมากนัก ควรดึงดูดผู้หางานด้วยงานที่ท้าทายและโอกาสในการฝึกอบรมและพัฒนาตนเอง รายละเอียดงาน สถานที่ทำงาน แสดงช่วงเงินเดือนที่ต้องการ และวันทำงานให้ชัดเจน เพราะความชัดเจนจะทำให้ผู้สมัครงานตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าเขาสนใจงานนั้นหรือเปล่า
3. ระบุช่วงเงินเดือน แนะนำให้สำรวจฐานเงินเดือนของแต่ละตำแหน่งงานกับตลาดงานเสียก่อน เพื่อที่ฐานเงินเดือนของตำแหน่งที่จะรับสมัครนั้นจะได้ไม่น้อยเกิน หากผู้ประกอบการระบุช่วงเงินเดือนในประกาศงาน จะช่วยกระตุ้นให้ผู้สมัครงานคลิกเข้ามาดูประกาศงานนั้นมากขึ้น เพราะการระบุช่วงเงินเดือน ช่วยดึงดูดให้ประกาศงานน่าสนใจมากขึ้น เพิ่มโอกาสให้ผู้หางานพบกับประกาศงานของคุณ และผู้ประกอบการก็มีโอกาสได้ใบสมัครที่ตรงกับความต้องการมากขึ้นด้วย
4. ละเลยสวัสดิการที่โดดเด่นและจูงใจ ผู้หางานทุกคนมองหางานที่มีสวัสดิการดีควบคู่กันไป เมื่อผู้หางานเห็นประกาศงานเขาพอจะประเมินได้บ้างแล้วว่าอาจต้องเจองานหนัก แต่เขากลับไม่เห็นว่าสวัสดิการที่บริษัทจะให้กับเขามีอะไรบ้าง นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาไม่ส่งใบสมัครงานถึงคุณก็ได้ ดังนั้น ควรมั่นใจว่าคุณได้ระบุสวัสดิการที่สอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบเพื่อดึงดูดผู้สมัครงานที่คุณต้องการ
5. ข้อกำหนดมากเกินไป แน่นอนว่าบริษัทย่อมต้องการคนมีความสามารถมาร่วมงาน แต่การระบุว่า ต้องมีประสบการณ์ด้านนั้น 5-10 ปี ด้านนี้ 3-5 ปี โดยไม่ได้อธิบายถึงบทบาทหน้าที่ที่ต้องทำอาจทำให้คุณพลาดผู้สมัครงานส่วนหนึ่งที่คิดว่า คุณสมบัติไม่ถึงตามที่ต้องการ แต่จริง ๆ แล้วเค้าอาจเคยผ่านงานด้านนั้นมาไม่นานขนาดนั้น แต่เข้าใจและสามารถทำงานนั้นได้ดีก็ได้ นอกจากนั้น การที่คุณตั้งข้อกำหนดมากมายก็ควรเหมาะสมกับเงินเดือนที่จะให้ด้วย หากผู้หางานเห็นว่าเงินเดือนที่คุณให้ไม่สมน้ำสมเนื้อกับประสบการณ์ของเขา เขาก็ต้องมองหางานอื่นต่อไป
6. หน้าตาประกาศงานไร้ดีไซน์ ควรลงทุนกับเทมเพลตเพื่อดึงดูดความสนใจผู้หางาน และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์มากกว่าที่จะลงประกาศงานที่มีแต่ตัวหนังสือ ทั้งหน้ามีแต่สีขาวดำน่าเบื่อ ในหน้าประกาศงานควรมีโลโก้บริษัท รูปสินค้าหรือบริการของคุณ อาจใช้สีบริษัทเพื่อสะท้อนแบรนด์ของคุณ เพียงมองก็รู้ว่าบริษัทของคุณทำเกี่ยวกับอะไร จากนั้นค่อยไปอ่านรายละเอียดบริษัทเพิ่มเติม เช่นนี้จะช่วยเพิ่มจำนวนใบสมัครได้มากกว่าเดิม
7. ภาษาไม่เหมาะกับตำแหน่งงานในการลงประกาศงานนั้นคุณสามารถเลือกใช้ภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ได้ตามความเหมาะสม แม้ว่าบริษัทข้ามชาติ หรือบริษัทชั้นนำมักจะลงประกาศงานเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์และได้คนที่มีความรู้ภาษาอังกฤษก็ตาม แต่หากตำแหน่งงานนั้นไม่ได้เน้นภาษาแล้วล่ะก็ การเขียนประกาศงานเป็นภาษาไทยจะดึงดูดผู้สมัครงานได้มากกว่า ซึ่งรวมถึงผู้ที่มีความสามารถในงานแต่อ่อนภาษาอังกฤษก็กล้าที่จะสมัครงานนั้นด้วย
8. กำหนดประเภทงานให้ถูกต้อง เนื่องจากผู้หางานมักจะค้นหางานด้วยการเลือกค้นหาจากประเภทงาน หากคุณเลือกประเภทงานไม่ถูกต้อง คุณอาจเสียใบสมัครฉบับนั้นไปก็เป็นได้
9. ไม่ลงหลายตำแหน่งงานในประกาศงานเดียว ผู้ประกอบการบางรายอาจต้องการประหยัดจำนวนเครดิตการลงประกาศงานไว้ จึงลงหลายตำแหน่งงานในประกาศงานเดียว แต่แท้ที่จริงแล้วกลับทำให้คุณเสียงบประมาณโดยใช่เหตุ เนื่องจากประกาศงานนั้นไม่สร้างการตอบรับที่ดีจากผู้หางาน เพราะหากผู้ประกาศงานค้นหางานจากชื่อตำแหน่งงานจะไม่เจอกับงานที่เขาต้องการ
เมื่อคู่แข่งก็กำลังเตรียมสร้างประกาศงาน เพื่อรองรับการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น นี่คืออีกเหตุผลที่สำคัญว่าทำไมองค์กรของคุณได้รับใบสมัครงานที่น้อยกว่าที่ควรจะเป็น องค์กรของคุณอาจจะก้าวช้ากว่าองค์กรอื่น ๆ 1 ก้าว แล้วผู้ประกอบการจะนิ่งเฉยกับสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร?
ที่มา: *ผลสำรวจดัชนีความสุขในการทำงานของพนักงานไทยปี 2560 โดย jobsDB