เตรียมให้พร้อม! สวัสดิการที่โดนใจพนักงานปี 2567

“พนักงานที่มีความสุขจะทําให้ลูกค้ามีความสุข และลูกค้าที่มีความสุขจะทําให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมีความสุขตามลําดับ” นี่คือคำกล่าวของ ไซมอน ซิเน็ค ผู้มีชื่อเสียงด้านวัฒนธรรมองค์กร ที่เน้นย้ำถึงความสําคัญของความพึงพอใจของพนักงานที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ความสําเร็จ โดยหนึ่งสิ่งที่พนักงานให้ความสำคัญคือเรื่องของสวัสดิการ ที่ช่วยดึงดูดให้พนักงานผูกพันกับองค์กรมากขึ้น มาดูกันว่าในปี 2567 นี้ จะมีสวัสดิการแบบไหนที่โดนใจพนักงานบ้าง อีกทั้งเราจะมาเจาะลึกถึงสวัสดิการประเภทต่างๆ ที่มีในปัจจุบันของบริษัทต่างๆ ในไทย

ก่อนอื่นเรามาดูสวัสดิการในประเทศไทยของเรากันก่อน โดยพนักงานบริษัทส่วนใหญ่มักได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐานกันอยู่แล้ว เช่น วันหยุดนักขัตฤกษ์ประจำปี การลาตามสิทธิแบบได้รับค่าจ้าง เช่น ลาพักร้อน ลากิจ ลาป่วย หรือลาคลอด เป็นต้น รวมไปถึงประกันสุขภาพแบบกลุ่ม นอกจากนี้บางองค์กรยังจัดหาสวัสดิการเพิ่มเติมเสริมให้พนักงานอีกด้วย

ในปี 2566 ที่ผ่านมา มีหลายบริษัทในประเทศไทยที่เริ่มมอบสวัสดิการเกี่ยวการลาแบบพิเศษให้กับพนักงาน เช่น ลาไปร่วมงานศพ ลาแต่งงาน ลาเพื่อการศึกษาหรือสอบ ลาเพื่อดูแลครอบครัว ลาเพื่อแปลงเพศ หรือการลาสำหรับคุณพ่อมือใหม่ ซึ่งการลาแบบพิเศษเหล่านี้ถือเป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่าหลายๆ บริษัทสนับสนุนสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตของพนักงานที่มากขึ้น

นอกเหนือจากการลาแบบพิเศษข้างต้นที่เรากล่าวไปแล้ว ในปัจจุบันที่เราเริ่มเห็นกันมากขึ้น ก็คือการลาวันเกิด (Birthday Leave) เพื่อให้พนักงานได้ใช้เวลาในวันสุดพิเศษของตนเองปีละ 1 ครั้ง รวมไปถึงวันลาเพื่อบุตร ซึ่งเป็นการตระหนักถึงความสำคัญและสนับสนุนการดูแลครอบครัวของพนักงานมากขึ้น

• ลาไปร่วมงานศพ 66%

• ลาแต่งงงาน 56%

• ลาคลอดเพิ่มเติม 47%

• ลาสำเร็จการศึกษา 37%

• ลาเพื่อการศึกษาหรือสอบ 35%  

ในหลายๆ บริษัทต่างก็ให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพหรือการวางแผนทางการเงินในอนาคต เริ่มต้นด้วยการตรวจสุขภาพ การตรวจคัดกรองทางการแพทย์ ประกันสุขภาพ และประกันชีวิต รวมไปถึงการดูแลสุขภาพใจของพนักงาน ที่อาจเกิดความเครียดทั้งจากเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว ให้ได้ปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพิ่มเติม

ส่วนในเรื่องการวางแผนด้านการเงินนั้น หลายบริษัทก็กำลังวางแผนที่จะนำเสนอสิทธิประโยชน์เหล่านี้ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเงินอุดหนุนภาษี กองทุนบำเหน็จบำนาญ แผนการเกษียณอายุ สินเชื่อส่วนบุคคล หุ้นออปชัน หรือหุ้นราคาพิเศษ เป็นต้น

• ประกันสุขภาพ 70%

• การตรวจสุขภาพ 61%

• ประกันชีวิต 58%

• สิทธิประโยชน์ทางสังคม 51%

• เงินอุดหนุนภาษี 44%

สำหรับเรื่องของสวัสดิการด้านที่อยู่อาศัย รวมไปถึงความช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอยู่อาศัย ส่วนใหญ่แล้วบริษัทต่างๆ จะไม่มีการเสนอให้เป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจค่าตอบแทนพนักงาน แต่ส่วนใหญ่แล้วบริษัทที่มอบสวัสดิการด้านที่อยู่อาศัยให้พนักงาน จะให้เป็นค่าเบี้ยเลี้ยงที่พักอาศัยแบบเงินสดแทน

• การคืนเงินค่าเช่าที่พัก 12%

• เบี้ยเลี้ยงที่พักอาศัยแบบเงินสด 11%

• สินเชื่อที่อยู่อาศัย 10%

• เงินอุดหนุนดอกเบี้ยจำนอง 2%

เมื่อพนักงานเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่สำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินหน้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาทักษะของพนักงานจึงถือว่ามีความสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน หลายบริษัทจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการหมุนเวียนงาน การฝึกอบรม หรือการเรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นโปรแกรมการพัฒนาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด อีกทั้งปัจจุบันยังมีบริษัทอีกจำนวนมากที่กำลังวางแผนโปรแกรมนี้ในอนาคต ถือเป็นการช่วยให้พนักงานมีทักษะอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น หรือทำให้พนักงานเข้าใจธุรกิจของบริษัทมากขึ้น

• การฝึกอบรม/เรียนรู้ด้วยตัวเอง 54%

• การหมุนเวียนงาน 45%

• การฝึกงาน/สอนงาน 40%

• ทุนการศึกษา/สนับสนุนค่าเล่าเรียน 16%

• ให้ทำงานที่สำนักงานต่างประเทศ 16%

เทรนด์ Work Life Balance ยังคงเป็นสิ่งที่พนักงานยุคนี้ถวิลหา ดังนั้นในปัจจุบันหลายบริษัทต่างก็ผุดสวัสดิการในด้านนี้ขึ้นมามากมายเพื่อซื้อใจพนักงาน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานแบบไฮบริด การทำงานที่ไหนก็ได้ เวลาการทำงานที่ยืดหยุ่น อีกทั้งยังมีการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมเข้ามาในออฟฟิศมากมาย เพื่อดึงดูดให้พนักงานอยากเข้าออฟฟิศและผ่อนคลายในการทำงานมากขึ้น เช่น อาหารว่างฟรี หรือมุมพักผ่อน

อีกทั้งในอนาคตหลายบริษัทยังเตรียมแผนปรับนโยบายเรื่องการทำงานยืดหยุ่นให้ดีขึ้น มีการสนับสนุนการดูแลสภาพจิตใจพนักงานผ่านกิจกรรมพิเศษต่างๆ เช่น กิจกรรมผ่อนคลายขององค์กร โครงการช่วยเหลือพนักงาน หรือการพูดคุยเกี่ยวกับสุขภาพจิต เป็นต้น

• กิจกรรมผ่อนคลายของบริษัท 65%

• การแต่งกายฟรีสไตล์ 61%

• เวลาทำงานที่ยืดหยุ่น 54%

• อาหารว่าง/เครื่องดื่มฟรี 49%

• ทำงานที่ไหนก็ได้ 49% 

ในปี 2565 ที่ผ่านมา เรื่องของสวัสดิการสำหรับครอบครัวพนักงานยังไม่ค่อยแพร่หลายมากนัก แต่ในปีนี้หลายๆ บริษัทกำลังวางแผนที่นำสวัสดิการในส่วนนี้ขึ้นมาบรรจุไว้ให้แก่พนักงาน เนื่องจากพวกเขาตระหนักถึงการให้ความสำคัญกับครอบครัว จีงต้องการสนับสนุนและดูแลพนักงานให้ดีที่สุด โดยสวัสดิการที่หลายบริษัทเริ่มวางแผนไว้ ได้แก่ การจัดตั้งห้องพยาบาลสำหรับคุณแม่ การปรับปรุงความคุ้มครองของประกันสุขภาพให้ครอบคลุมสมาชิกในครอบครัวของพนักงาน หรือการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร เป็นต้น

• ห้องพยาบาลในที่ทำงาน 18%

• ประกันสุขภาพสำหรับสมาชิกในครอบครัวพนักงาน 13%

• เงินสนับสนุนการศึกษาบุตร 9%

• กิจกรรมสำหรับสมาชิกครอบครัวพนักงาน 8%

• การตรวจสุขภาพสำหรับสมาชิกครอบครัวพนักงาน 7%  

ในปี 2566 ที่ผ่านมา เรื่องของเบี้ยเลี้ยงสำหรับการเดินทางทั้งในและนอกประเทศถือเป็นสวัสดิการใหม่ที่หลายบริษัทเริ่มมอบให้พนักงาน โดยมีบริษัทมากถึง 82% เสนอเบี้ยเลี้ยงในการเดินทาง และ 71% มีเบี้ยเลี้ยงสำหรับการเดินทางไปทำงานต่างประเทศ นอกจากนี้ค่าโทรศัพท์สำหรับการทำงานก็เป็นอีกหนึ่งสวัสดิการที่ได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมีการสนับสนุนให้พนักงานทำงานนอกสถานที่ พนักงานจึงจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ส่วนตัวในการติดต่องาน

• ค่าเดินทาง/ค่าน้ำมัน/ค่าทางด่วนในประเทศ 78%

• ค่าเดินทางสำหรับการทำงานในต่างประเทศ 65%

• ค่าที่จอดรถในตึกออฟฟิศ 63%

• ค่าโทรศัพท์สำหรับการทำงาน 62%

• ค่ายานพาหนะของบริษัท 40%

ข้อมูลต่างๆ ที่เราได้สรุปมาให้ถือเป็นแนวโน้มและเทรนด์เกี่ยวกับสวัสดิการที่ผ่านมาในปีก่อนๆ รวมทั้งข้อมูลในปัจจุบันของสวัสดิการต่างๆ ที่หลายบริษัทเริ่มมอบให้พนักงานแล้ว ซึ่งเรื่องของสวัสดิการถือเป็นสิ่งที่สามารถซื้อใจพนักงานที่มีความสามารถให้ผูกพันกับองค์กรหรืออยากร่วมงานกับบริษัทต่อไปเรื่อยๆ รวมไปถึงการดึงดูดพนักงานใหม่ให้อยากเข้ามาร่วมงานกับบริษัทด้วยเช่นกัน ดังนั้นการสร้างสรรค์สวัสดิการที่โดนใจพนักงาน จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่งในปี 2567 นี้ สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่รายงานการจ้างงาน ค่าตอบแทน และสวัสดิการประจำปี 2567

ส่วนบริษัทไหนที่กำลังมองหาพนักงานมากความสามารถเข้าไปร่วมงานด้วย สามารถเข้ามาค้นหาโปรไฟล์ของผู้สมัครกันได้ง่ายๆ ที่ Jobsdb เรามีรวบรวมให้คุณกันแบบทุกสายงาน ทุกอาชีพ