ข้ามไปที่เนื้อหา
Market Insights เทรนด์การจ้างงานและเงินเดือน “จ๊อบส์ ดีบี” เปิดผลสำรวจผลกระทบผู้ประกอบการและคนทำงาน ช่วงโควิด-19 พบคนทำงานกว่า 9% ถูกเลิกจ้าง ดัชนีความสุขลดลงกว่าครึ่ง
“จ๊อบส์ ดีบี” เปิดผลสำรวจผลกระทบผู้ประกอบการและคนทำงาน ช่วงโควิด-19 พบคนทำงานกว่า 9% ถูกเลิกจ้าง ดัชนีความสุขลดลงกว่าครึ่ง

“จ๊อบส์ ดีบี” เปิดผลสำรวจผลกระทบผู้ประกอบการและคนทำงาน ช่วงโควิด-19 พบคนทำงานกว่า 9% ถูกเลิกจ้าง ดัชนีความสุขลดลงกว่าครึ่ง

  • “จ๊อบส์ ดีบี” ขยายโครงการ #TogetherAhead ช่วยคนหางาน ช่วยภาคธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ประกาศงานเงินเดือนต่ำกว่า 15,000 ฟรี ถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2563 

  • “จ๊อบส์ ดีบี” เผยผลสำรวจผู้ประกอบการถึงการจ้างงานครึ่งหลังของปี 2563 กว่า 88% คาดว่าการจ้างงานจะกลับมา   

จ๊อบส์ ดีบี เปิดผลสำรวจผลกระทบผู้ประกอบการและคนทำงาน ช่วงโควิด-19 พบคนทำงานกว่า 9% ถูกเลิกจ้าง ดัชนีความสุขลดลงกว่าครึ่ง

กรุงเทพฯ 23 มิถุนายน 2563 – จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) ได้เปิดผลสำรวจผู้ประกอบการและคนทำงานผลกระทบการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ครอบคลุมคนทำงานกว่า 1,400 คน และผู้ประกอบการกว่า 400 คน พบว่า กว่า 25% ของคนทำงานได้รับผลกระทบโดยตรง และมีระดับความรุนแรงมีดังนี้  9% ถูกเลิกจ้าง 16% ถูกหยุดงานแต่ยังคงสถานะลูกจ้าง ส่วนกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ พนักงานอยู่ในกลุ่มเงินเดือนต่ำกว่า 16,000 บาท พนักงานมีลักษณะงานเป็นสัญญาจ้าง พนักงานอายุมากกว่า 45 ปี และพนักงานในองค์กรที่มีพนักงานน้อยกว่า 50 คน

นอกจากนี้ยังได้สำรวจ “ดัชนีความสุขในการทำงานของแรงงานไทย” โดยก่อนการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 พบอยู่ที่ 85% และในช่วงของการระบาดลดลงเหลือเพียง 59% พร้อมพบว่าดัชนีความไม่มีความสุขเพิ่มขึ้น 3 เท่าเมื่อต้องเปลี่ยนมาทำงานที่บ้าน อีกทั้งผลสำรวจยังพบว่าความมั่นคงในการทำงานเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดในการสำรวจจากคนทำงานทั้งหมด 6 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไรก็ตามการจ้างงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ผู้ประกอบการกว่า 88% คาดว่าการจ้างงานจะกลับมา  

นางสาวพรลัดดา เดชรัตน์วิบูลย์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) ได้เปิดผลสำรวจผู้ประกอบการและคนทำงานผลกระทบการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ครอบคลุมคนทำงานกว่า 1,400 คน และผู้ประกอบการกว่า 400 คน พบว่าคนทำงาน 1 ใน 4 ได้รับผลกระทบโดยตรงต่อสถานะการทำงาน แต่อย่างไรก็ตามแนวโน้มในอีก 6 เดือนข้างหน้าพบสัญญาณเชิงบวกในการจ้างงานจากฝั่งผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น จากการสำรวจพบว่ากว่า 25% ของคนทำงานได้รับผลกระทบ โดยมีระดับความรุนแรง ดังนี้  9% ถูกเลิกจ้าง 16% ถูกหยุดงานแต่ยังคงสถานะลูกจ้าง ส่วนกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือพนักงานอยู่ในกลุ่มเงินเดือนต่ำกว่า 16,000 บาท พนักงานมีลักษณะงานเป็นสัญญาจ้าง พนักงานอายุมากกว่า 45 ปี และพนักงานในองค์กรที่มีพนักงานน้อยกว่า 50 คน

นอกจากนี้ผลการสำรวจยังเผยให้เห็นว่าคนทำงานที่ยังคงทำงานอยู่ก็ได้รับผลผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวเช่นกัน โดย 48% ต้องทำงานที่บ้าน (Work From Home) 45% ได้รับผลกระทบเชิงโครงสร้างรายได้ ในจำนวนนี้ 27% ไม่ได้โบนัส 20% ไม่มีการปรับเงินเดือน และ 14% ถูกลดเงินเดือน ซึ่งส่วนใหญ่ถูกลดเงินเดือนระหว่าง 11-20% ของรายได้

นอกจากนี้  จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) ยังได้สำรวจ “ดัชนีความสุขในการทำงานของแรงงานไทย” โดยก่อนการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 พบอยู่ที่ 85% และในช่วงของการระบาดลดลงเหลือเพียง 59% พร้อมพบว่าดัชนีความไม่มีความสุขเพิ่มขึ้น 3 เท่าเมื่อต้องเปลี่ยนมาทำงานที่บ้าน และ 46% ของคนทำงานระบุว่าชั่วโมงการทำงานเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่าพนักงานในสายงานโฆษณา งานประชาสัมพันธ์ รวมถึงสายงานการตลาดดิจิทัล งานอีคอมเมิร์ซ และงานโซเชียลมีเดีย เป็นกลุ่มสายงานที่ทำงานต่อวันเป็นระยะเวลานานขึ้นเมื่อต้องทำงานอยู่ที่บ้านอีกด้วย

ทั้งนี้เพื่อพิจารณาปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ ๆ ที่ดึงดูดคนหางานให้เลือกสมัครงานกับองค์กร จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จึงได้ทำการสำรวจ 'Laws of Attraction' (LOA) ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2562 จนถึงวันที่ 15 มกราคม 2563 จากคนทำงานทั่วประเทศไทยหลากหลายเจนเนอเรชั่นกว่า 6,000 คน ผลสำรวจพบว่า 3 ปัจจัยแรกที่คนทำงานให้ความสำคัญมากที่สุด ได้แก่ 1.เงินเดือน/ค่าตอบแทน 2.ความมั่นคงในการทำงาน และ 3.ความก้าวหน้าในสายอาชีพ    โดยความมั่นคงในการทำงานมีความสำคัญเป็นอันดับสองรองจากเงินเดือน ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดในการสำรวจจากคนทำงานทั้งหมด 6 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจากคำตอบคนทำงานจำนวน 3 เท่ามองเรื่องความมั่นคงในการทำงานมีความสำคัญมากกว่าเรื่องสวัสดิการ 2 เท่าสำคัญกว่าตำแหน่งที่ตั้งของที่ทำงาน และ 1.4 เท่ามองว่าสำคัญกว่าเรื่องความสมดุลในชีวิต (Work-life balance)

นางสาวพรลัดดา กล่าวต่อ ในขณะที่สถานการณ์การจ้างงานในฝั่งของผู้ประกอบการที่มีในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะต้องเผชิญกับความท้าทาย แต่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังมีมุมมองในแง่ดีเกี่ยวกับสถานการณ์การจ้างงานใน 6 เดือนข้างหน้า โดยพบว่า 52% ส่งเสริมให้พนักงานทำงานที่บ้าน 47% ปรับนโยบายการจ้างงาน ในจำนวนนายจ้างที่จะปรับนโยบายการจ้างงานพบว่า 39% จะไม่รับพนักงานใหม่ และ 12% จะลดจำนวนพนักงาน  นอกจากนี้ ผู้ประกอบการกว่า 37% จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเงินเดือนและค่าตอบแทน อาทิ  21% จะไม่ปรับเงินเดือนและงดการจ่ายโบนัส  20% กำลังพิจารณามาตรการลดเงินเดือน  18% จะงดการจ่ายโบนัส

อย่างไรก็ตามจากผลสำรวจยังเห็นสัญญาณเชิงบวกในการจ้างงานจากผู้ประกอบการที่สะท้อนในการสำรวจดังกล่าว สำหรับช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 88% มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับสถานการณ์การจ้างงาน 6 เดือนข้างหน้า โดยพบข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้

  • ผู้ประกอบการกว่า 33% ชี้ว่าอยากจะจ้างงานผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โควิด-19 เพื่อช่วยเหลือประเทศ

  • ผู้ประกอบการกว่า 53% มีแนวโน้มที่จะว่าจ้างเด็กจบใหม่เพื่อทำงานในตำแหน่งระดับพนักงานทั่วไป

อย่างไรก็ตามจากข้อมูลข้างต้นพบว่า 5 สายงานที่มีแนวโน้มการจ้างงานมากที่สุดใน 6 เดือนข้างหน้าได้แก่ 1.งานธุรการ/งานทรัพยากรบุคคล 2.งานไอที 3.งานการตลาด/งานประชาสัมพันธ์ 4.งานขาย/งานบริการลูกค้า/งานพัฒนาธุรกิจ และ 5.งานต้อนรับ/งานอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเท่ากันกับสายงานการขายสินค้า/งานจัดซื้อ 

“องค์กรต่าง ๆ ควรเร่งกระตุ้นการมีส่วนร่วมของพนักงานเพื่อลดความรู้สึกไม่มั่นคงในการทำงาน ขณะเดียวกันก็ต้องส่งเสริมความสมดุลของชีวิตและการทำงาน รวมถึงสวัสดิภาพของพนักงาน หลังจากเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะฟื้นฟูหลังจากวิกฤติครั้งนี้ ซึ่งคนทำงานจะมองหาองค์กรในมุมที่แตกต่างออกไป โดยองค์กรที่สามารถสร้างจุดแข็งและสร้างความแตกต่างในเชิงผลตอบแทนจะได้เปรียบในการดึงคนที่มีความรู้ความสามารถไปร่วมงาน ทำให้ตลาดแรงงานจะเปลี่ยนจากตลาดที่ขับเคลื่อนโดยผู้ประกอบการเป็นตลาดที่ขับเคลื่อนโดยคนทำงาน” 

พร้อมกันนี้ จ๊อบส์ ดีบี ได้ขยายโครงการ “ทูเก็ตเทอร์อเฮด” (#TogetherAhead) จนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2563 เพื่อช่วยเหลือผู้หางานและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ถือเป็นอีกช่องทางให้ผู้ประกอบการได้คนทำงานที่ตรงใจ รวมถึงผู้หางานได้พบงานที่ดี มีคุณภาพจากองค์กรชั้นนำที่น่าเชื่อถือ นางสาวพรลัดดา กล่าวทิ้งท้าย

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสอบถามได้ที่ จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) โทรศัพท์ 02-670-0700 หรือเข้าไปที่ https://th.jobsdb.com/th สำหรับข้อมูลผลสำรวจ 'Laws of Attraction' สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ https://th.jobsdb.com/en-th/cms/employer/laws-of-attraction/ 

สมัครรับข้อมูลเชิงลึกของตลาด

รับข่าวสารเกี่ยวกับ ภาพรวมตลาดงาน ผ่านทางอีเมลของคุณ
ท่านได้ยอมรับคำประกาศเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล และนโยบายความเป็นส่วนตัวเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถยกเลิกได้ทุกเวลา